จังหวะชีวิต
ในยุคโลกาภิวัฒน์ที่ซึ่งทุกสิ่งรอบตัวเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ผู้คนทุกเพศทุกวัยต่างต้องดำรงชีวิตด้วยจังหวะเดียวกัน นั่นก็คือจังหวะของความเร่งรีบและเร่งเร้าจากปัจจัยภายนอก เพื่อให้ตนเองสามารถครองตัวอยู่ได้ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ๆ ที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเร่งเตรียมตัวไปโรงเรียน ผู้ใหญ่วัยทำงานที่เวลาของชีวิตในแต่ละวันนั้นแทบต้องนับเป็นหน่วยนาที ทุกกิจวัตรเกิดขึ้นด้วยจังหวะที่รวดเร็ว
บางท่านนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่กลับคิดถึงกิจกรรมหลังเลิกงาน เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็กลับนึกถึงงานสำคัญของวันพรุ่งนี้ ผู้คนแทบไม่ได้มีสติรู้ตัวกับสิ่งที่ทำในแต่ละกิจกรรม จนทำให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร จะดีกว่าไหมหากเราทำทุกสิ่งด้วยสติรู้ตัว เพราะไม่เพียงจะทำให้เป้าหมายในแต่ละอย่างของเราลุล่วงได้เร็วขึ้น แต่ยังช่วยทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และมีของแถมเป็นความสุขใจ
สำเร็จด้วยสติ
เมื่อเราต้องจัดการทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว จนเกิดความสับสนด้วยความไร้สติ จนกลายเป็นว่างานที่ต้องทำนั้น ไม่สำเร็จดังที่คาดหวัง หากท่านผู้อ่านสังเกตจะพบว่า หลายครั้งการอ่านหนังสือหรือทำงานคนเดียว มักจะทำให้เราทำงานเสร็จได้เร็ว และมีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น หรืออ่านหนังสือได้เข้าใจถึงแก่นแท้มากกว่า นั่นเป็นเพราะความมีสติจดจ่อเป็นแรงขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ รวมถึงช่วยในเรื่องความจำ ความมีสตินั้นมี 3 ระดับ ดังที่สมาชิกพันทิปท่านหนึ่งได้อธิบายสติ 3 ระดับไว้ ซึ่่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
สติ เท่ากับ สุข
เมื่อท่านสามารถพัฒนาศักยภาพการดำรงชีวิต ด้วยการเพิ่มสติจดจ่อ การรับรู้ถึงความสุขมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งและอิ่มเอมกว่า ถึงเวลาที่เราจะอยู่กับจังหวะของโลกยุคใหม่อย่างเป็นสุข ด้วยการเพิ่มหลักการเล็ก ๆ แต่นำไปปฏิบัติได้จริงให้เป็นกิจวัตร แล้วคุณจะค้นพบคำตอบด้วยตัวเองว่า สตินั้นสำคัญไฉน